อยากได้ อยากมี อยากเป็น อยากเก่ง
เรื่อง"บ้าบอ"
คำนำ
ฉันเขียนหนังสือเล่มแรก
ด้วยแรงปรารถนาภายในตนเอง และซื่อสัตย์ต่อสำนึกไม่ว่ามันจะดีหรือไม่ก็ตาม และคิดว่าเราจะทำ และทำ
เพื่ออุทิศความเป็นตัวตนที่เกิดมาชาติหนึ่งและทำตามฝัน ตลกกับชีวิต เศร้ากับชีวิตหรือจะเรียบเรียง
ให้ผ่านความเป็นสมมุติแห่งเวลานั้น ๆ ไป
ดีใจเสมอที่ใครสักคนหยิบหนังสือของฉันมาอ่าน และซื้อมันไปด้วยนานาเหตุผล
แต่ก็ใช่จะสำคัญไปกว่าการที่ฉันได้ทำ และอยากให้ทุกคนทำในสิ่งที่อยากทำมากกว่า รอ
และรอ ให้เวลาผ่านไปด้วยเหตุผลมากมาย ขอบคุณบิดามารดา ที่ให้ลมหายใจและร่างกายครบ 32 นี้ ขอบคุณทุก ๆ วันที่ฉันอยู่รอดปลอดภัยทั้งปวงเพื่อมาทำในสิ่งที่ฉันอยากทำ
ศิริภรณ์ ลักษณะสุต
ตอนที่ 1
จงทำ.....ปลุกใจขึ้นมาทำ เพราะเราไม่ได้กุมลมหายใจ
คุณทำอะไรอยู่บ้าง นอกจากคิด และคิด ถามคนนั้น คนนี้ ดีไหม ทำได้ไหม จะเป็นยังไง ใครจะช่วย จะรับได้ไหม ทำไม
เราต้องมีคำถามมากมาย บางอย่างเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว
แล้วทำไมเราถึงได้ตัดสินใจได้อยากเย็นนัก ทำไมหลายสิ่งต้องมากำหนด
หรือมาบอกเราว่าควรไม่ควร
คุณมีอยู่แล้วในมือถ้าไม่ผิดกฏหมาย
เพราะกฏหมายเข้ามาเกี่ยวข้องเมื่อไร
เวลาของคุณจะถูกแย่งไปทันทีและคุณจะทำอีกไม่ได้
คุณทำอะไรก็ได้ ถ้าคุณไม่ทำให้ผิดกฏหมายไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ผิดจารีตศลีธรรมอันดี คุณมองมันใหม่ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามจงทำมัน
และเรียนรู้กับมัน ร้องไห้ และหัวเราะกับมัน ถ้ามันจะร้องไห้กับความผิดหวัง
มันก็แค่ร้องไห้ คุณจะสำเร็จเสมอได้ยังไง คุณจะทำแล้วดีทุกเรื่องเป็นไปไม่ได้
คุณบ้าไปแล้ว ที่คิดว่าทำออกมาแล้วต้องดีอย่างงั้น อย่างงี้ มากมายทำไม เดี๋ยวล้ม
เดี๋ยวพลาด คุณต้องบ้าพอ กว่านี้
สิ่งที่กลัว ก็ไปหาข้อมูลมามากๆ คุณจะได้ไม่กลัว ไม่ใช่มีข้อมูลมาก
รู้มากก็กลัวมาก จนไม่ต้องทำอะไร ...มันไม่เหมือนกัน
คนหนึ่งคนทำสิ่งหนึ่งดีหรือล้มเหลว ก็ไม่เกี่ยวกับคุณ เวลา สถานที่ การกระทำ
มันไม่ได้เปะเหมือนกันหมด
มันแค่ทำให้คุณเห็นบางอย่างแต่ไม่ใช่ทั้งหมดที่คุณกำลังจะทำ กำลังจะเป็น
ทำแล้วไม่ใช่ ก็เลิก มันแค่นั้น
คนบางคนอยากทำธุรกิจ คิดอย่างเดียว กำไร สำเร็จ ทำอย่างไร ถ้าพลาด
ถ้าเจ้งหมดตัวกลัวและกลัว ไม่เอา ไม่เสี่ยงดีกว่า เป็นพนักงาน ........ก็ดีไง
เป็นพนักงานไป ไม่ต้องคิด
ถ้าคิดแล้วต้องสำเร็จ กำไรตลอด ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาก็ทำกันหมดแล้ว คุณจะทำอะไรคุณต้องเข้าใจธรรมชาติในตัวของมัน
ทำธุรกิจมีความเสี่ยง กำไรกับขาดทุน เราก็เห็นกันทั่วไป
ถ้าเข้าใจธรรมชาติของมันแล้ว คุณก็เลือก พอเกิดผลของมัน ก็จงโปรดบอกตัวเองเสมอว่า
มันก็เป็นงี้ มีสองอย่าง ได้กับไม่ได้
ทุกเรื่องนั่นแหละ
ความจริงคือ ล้มเหลวสำเร็จ มีทุกที่ทุกเวลา มันเป็นของคู่กัน
ความจริงอีกอย่างที่คุณได้ยินมาคุณไม่รู้หรอกว่ามันโกหก เขาแต่งเรื่องอย่างไรก็ได้
เพราะเขาสำเร็จแล้ว เวทีความสำเร็จบางครั้งก็เป็นเรื่องโกหก
เวทีความสำเร็จมีไว้เหยียดคนด้อยค่า
มันไม่มีเวทีของคนขอทานที่ขึ้นไปพูดถึงการขอทานให้สำเร็จนั้นต้องทำอย่างไร
เพราะนั้นไม่ใช่อาชีพที่น่าสรรเสริญ ไม่ได้รับการยอมรับ แต่แปลกไหม
ขอทานบางคนเก็บเงินได้เก่ง หาเงินได้เก่งกว่านักธุรกิจ เพราะเขาไม่ต้องลงทุน
ทางการเงิน เขาลงทุนความสามารถ คุณละทำได้อย่างเขาไหม ลงทุนด้วยความสามารถ กลับไปถามคนสำเร็จ กลับไปดูนามสกุล กลับไปดูความเครียด
กลับไปดูจริง ๆ ของเขาเหล่านั้น มันธรรมดา คนมีเงิน 100
บาท เงินหาย 2 บาท มีอะไรต้องกลัว
เดินต่อไปได้
เงิน 2 บาทไปลงทุน แล้วเจ้ง
ก็แค่ 2 บาท แต่คนมีเงิน 2 บาท
อยากทำธุรกิจแล้วหมดตัว มันคิดเครียดแค่ไหน สุดท้ายก็เลือกว่าลงทุน หรือเก็บไว้
รอให้มี 100 บาทก่อนดีกว่า
แล้วมันก็ผ่านไปจนแก่ แล้วก็ไม่ได้ทำ ค่าเงินก็เปลี่ยน
นี่แค่มุมหนึ่งของความคิดที่ทำลายเรา ทำลายอะไร ทำลายเราด้วยเวลา
ที่เรามีเงินก็ไปซื้อเวลากลับมาไม่ได้
ฉันไม่ได้บอกว่าสิ่งนี้คือทั้งหมด มันแค่ตัวอย่างของความคิด
แล้วความคิดนั้นก็กระชากเราออกไป จากสิ่งที่อยากทำ ไม่ใช่ว่าต้องแย้งกลับว่าจะไม่รอถึง100 บาทหรอก เพิ่มนิดหน่อยก็ทำได้ มากมายในการถกเถียง
สุดท้ายมันอยู่ที่เมื่อไร ที่ทำมากกว่า
เวลาแค่ไหนที่ต้องรอแล้วแลกเวลานั้นไป เพียงแค่สักวันหนึ่ง
สักวันหนึ่งที่ชอบใช้กันแล้วเวลามีค่านั้นหายไป อย่างน่าเสียดาย
ฉันเชื่อว่าคุณกลัว นั่นเป็นสิ่งที่ดี มันทำให้เรารอบครอบ
ใครบ้างไม่กลัว เรากลัวกันทุกคน ทำไมทำสิ่งที่ดีสุจริตนั้น มันทำให้ขลาดกว่า
ความชั่วร้าย
ทำไมความกล้าจึงอยู่กับความชั่วร้ายได้มากกว่า กล้าทำความผิด ทั้ง ๆ ที่รู้
แต่เรื่องสุจริตชนอันควรคิดนั้น กลับกลัว มันบ้าสิ้นดีที่ใครสักคนอยากทำงาน
อยากจะเป็น อยากจะเก่ง แต่ไม่เคยลงมือทำ
ลงมือทำเหมือนปลุกต้นไม้ คุณต้องคิดว่าจะปลุกต้นไม้อะไร ทำอะไร อ่าน
หาความรู้ รู้วิธี และลงมือปฏิบัติ
เมื่อหาข้อมูลแล้ว ก็เตรียม กำหนดเวลา ว่าจะทำอะไรเมื่อไร แล้วลงมือ ไม่ใช่มานั่งถามตัวเองว่า จะปลูกทำไม เดี๋ยวก็น้ำท่วม เดี๋ยวก็ฝนแล้ง
.........คนเป็นแบบนี้เยอะมาก แล้วไง
คิดจะปลูกมะม่วง กว่าจะได้กิน ไม่ปลูก ซื้อกินง่ายกว่า แต่ไม่ยอมปลูก ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยแต่กินได้ยาวกว่า
ถ้าคุณตีความการปลูกต้นมะม่วงสักต้น
แล้วถามคนมากมาย คนก็จะตอบคุณจนประสาทเสียนั่นแหละ โดนโน้มไปทางใดทางหนึ่ง บางครั้งแค่ต้นมะม่วงต้นหนึ่งที่เป็นผลงาน
คุณอาจล้มเลิกเอง เพราะความอดทนไม่พอ
จงทำ คือการทำอย่างต่อเนื่อง
ต้องอดทน ดูแลในสิ่งที่คุณเลือกนั้นมากพอ แล้วคุณจะสำเร็จ
เริ่มจากสิ่งที่คุณอยากทำ ทำอะไรก็ได้ ให้เกิดผล ไม่ใช่แค่ธุรกิจ ไม่ใช่แค่ได้เงิน
ความสำเร็จของคุณ อาจแค่รอผลมะม่วงสักลูก แล้วเนี่ยคือผลสำเร็จ มันผ่านเวลา
มันผ่านความอดทน ต้องเอาใจใส่ รดน้ำ ดูแล เห็นการเปลี่ยน
การกระทำทุกเรื่องสำเร็จได้ มีแค่นี้เอง
อย่าปฏิเสธสิ่งที่คุณอยากทำ ด้วยน้ำลายคนอื่น
หรือความขี้เกียจในตัวคุณเอง จนล้มเลิกไป เพราะทุกอย่างต้องมีกระบวนการ ใช้เวลาสั้นอย่างม่าม่า
หรือว่า ปลูกต้นไม้ยืนต้นสักต้น มันก็ต้องรอ รอให้เป็นไปตามกระบวนการด้วย มันไม่ใช่สิ่งที่คุณจะถามว่าทำดีไหม กำไรเท่าไร
คุ้มไหม มันอยู่ที่คุณ ใจคุณพร้อมไหม อดทน
รอคอยได้ไหม เพียรได้ดีพอไหม และจงทำ มันคือทุก ๆ เรื่อง จงทำ
เมื่อคุณคิดในความอยากที่ปรากฏในใจของคุณ ที่พร่ำพูด อยากทำ อยากได้ อยากเก่ง
อยากเป็น ของคุณ หากคุณไม่ใช่คนงมงาย
และหากคุณใช่ จงคว่ำบาตรความงมงาย ด้วยความเพียร ทำ และทำ คือชีวิตทุกชีวิต นั้นคือความจริง ไม่ว่าคุณจน หรือคุณจะรวย คุณต้องทำ
ความเก่งไม่ใช่เรื่องมรดกทางพันธุกรรม ถ้าคุณไม่ไขว่คว้าคุณก็ไม่เก่ง ความจนก็ไม่ใช่เช่นกัน บิดามารดา ยากจน
ก็ไม่ได้บอกว่าคุณต้องจน คุณทำได้ คุณ ไม่ใช่คนที่คุณสรรเสริญ
มันคนละคนกัน คุณทำและทำ
.....จงคว่ำบาตรความเชื่อ ความกลัว ความงมงาย
ด้วยความเพียร และอดทน